ทำไมประกันภัยรถยนต์จึงสำคัญ
การมี ประกันภัยรถยนต์ เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ขับขี่ทุกคนในประเทศไทย ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องทรัพย์สินของคุณ แต่ยังช่วยปกป้องตัวคุณและบุคคลอื่นที่อาจได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายจากอุบัติเหตุ ประกันภัยรถยนต์ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการซ่อมแซมรถยนต์ ค่ารักษาพยาบาล และความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่น นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา ในบทความนี้จะมาบอกถึง ประกันภัยแต่ละประเภท ยกตัวอย่างเช่น “ประกันภัยรถยนต์2+คุ้มครองอะไรบ้าง”,”ประกันภัยรถยนต์ 2+”,”ประกันภัยรถยนต์3+”
ประเภทของประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย
- ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พรบ.)
- กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมี
- ครอบคลุมค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
- เป็นขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องมีเพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้องในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ
- ผู้ขับขี่สามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้
- มีหลายประเภท เช่น:
ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง
ประกันชั้น 1 เป็นประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองสูงสุดและครอบคลุมทุกกรณีที่อาจเกิดขึ้น คุ้มครองหลัก ๆ ที่ประกันชั้น 1 มอบให้คือ:
- ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ของผู้เอาประกันไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือไม่ผิด
- ความเสียหายจากไฟไหม้: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือทดแทนรถยนต์ในกรณีที่เกิดไฟไหม้
- ความเสียหายจากการโจรกรรม: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการทดแทนรถยนต์ในกรณีที่รถถูกโจรกรรม
- ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ในกรณีที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติเช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุ
- ความเสียหายจากการก่อการร้าย: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ในกรณีที่ได้รับความเสียหายจากการก่อการร้าย
- ค่ารักษาพยาบาล: ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในกรณีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ
- ค่าประกันตัวผู้ขับขี่: ครอบคลุมค่าประกันตัวผู้ขับขี่ในกรณีที่ต้องคดีอาญาอันเกิดจากการขับขี่รถยนต์
ประกันชั้น 1 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกกรณี รวมถึงการคุ้มครองรถยนต์ของตนเองทั้งในกรณีที่เป็นฝ่ายผิดและไม่ผิด ค่าเบี้ยประกันอาจสูงกว่าประกันชั้นอื่น ๆ แต่ความคุ้มครองที่ได้รับนั้นคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง
ประกันชั้น 2 เป็นประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองครอบคลุมมากกว่าประกันชั้น 3 แต่ยังไม่เต็มที่เท่าประกันชั้น 1 คุ้มครองหลัก ๆ ที่ประกันชั้น 2 มอบให้คือ:
- ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายจากไฟไหม้: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือทดแทนรถยนต์ในกรณีที่เกิดไฟไหม้
- ความเสียหายจากการโจรกรรม: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการทดแทนรถยนต์ในกรณีที่รถถูกโจรกรรม
“ประกันชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง”
“ประกันชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง” เป็นประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 2 แต่มีการเพิ่มความคุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยคุ้มครองหลัก ๆ ที่”ประกันภัยรถยนต์ 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง” คุ้มครองอะไรบ้าง” ไปดูกัน:
- ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายจากไฟไหม้: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมหรือทดแทนรถยนต์ในกรณีที่เกิดไฟไหม้
- ความเสียหายจากการโจรกรรม: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการทดแทนรถยนต์ในกรณีที่รถถูกโจรกรรม
- ความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกันในกรณีอุบัติเหตุ: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ของผู้เอาประกันที่เกิดจากอุบัติเหตุ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายผิด
ประกันชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยมีค่าเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าประกันชั้น 1 แต่คุ้มครองครอบคลุมมากกว่าประกันชั้น 2
“ประกันชั้น 3” คุ้มครองอะไรบ้าง
“ประกันชั้น 3″ เป็นประกันภัยรถยนต์ที่มีค่าเบี้ยประกันต่ำสุด เน้นคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก คุ้มครองหลัก ๆ ที่”ประกันชั้น 3” มอบให้คือ:
- ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อรถยนต์ของคู่กรณี: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ของคู่กรณีที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ
–ประกันภัยรถยนต์ 3+” ไม่ครอบคลุมความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่เป็นฝ่ายผิดหรือไม่ผิด
ประกันชั้น 3+ คุ้มครองอะไรบ้าง
ประกันชั้น 3+ เป็นประกันภัยรถยนต์ที่มีความคุ้มครองมากกว่าประกันชั้น 3 โดยเพิ่มความคุ้มครองสำหรับรถยนต์ของผู้เอาประกันในบางกรณี คุ้มครองหลัก ๆ ที่”ประกันภัยรถยนต์ 3+” มอบให้คือ:
- ความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมทรัพย์สินของบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อรถยนต์ของคู่กรณี: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ของคู่กรณีที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ
- ความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกัน: ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถยนต์ของผู้เอาประกันในกรณีอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี เช่น การชนกันกับรถยนต์อื่น
ประกันชั้น 3+ ไม่ครอบคลุมความเสียหายจากไฟไหม้หรือการโจรกรรม แต่เพิ่มความคุ้มครองสำหรับรถยนต์ของผู้เอาประกันในกรณีอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี
“ประกันรถยนต์ชั้น 3+” เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมในกรณีอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี แต่ไม่ต้องการจ่ายค่าเบี้ยประกันสูงเท่าประกันชั้น 1
ข้อเปรียบเทียบระหว่างประเภทของประกันภัย
ประเภทประกันภัย | ความคุ้มครอง | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|---|
ประกันชั้น 1 | ครอบคลุมทุกกรณีรวมถึงรถของผู้ขับขี่และคู่กรณี, ภัยธรรมชาติ | ความคุ้มครองสูงสุด, ป้องกันความเสี่ยงทั้งหมด | ค่าเบี้ยประกันสูงที่สุด |
ประกันชั้น 2 | ครอบคลุมรถของคู่กรณี, ไฟไหม้, โจรกรรม | ค่าเบี้ยประกันต่ำกว่าชั้น 1, คุ้มครองเหตุการณ์ใหญ่ๆ | ไม่คุ้มครองรถของผู้ขับขี่ในกรณีอุบัติเหตุที่ไม่ใช่ไฟไหม้หรือโจรกรรม |
ประกันชั้น 2+ | เพิ่มการคุ้มครองรถของผู้ขับขี่ในบางกรณี | ครอบคลุมมากกว่าชั้น 2, ค่าเบี้ยประกันปานกลาง | ไม่ครอบคลุมทุกกรณีเหมือนชั้น 1 |
ประกันชั้น 3 | ครอบคลุมรถของคู่กรณี | ค่าเบี้ยประกันต่ำสุด | ไม่คุ้มครองรถของผู้ขับขี่, คุ้มครองน้อย |
ประกันชั้น 3+ | เพิ่มการคุ้มครองรถของผู้ขับขี่ในบางกรณี | ค่าเบี้ยประกันต่ำ, ครอบคลุมมากกว่าชั้น 3 | ไม่ครอบคลุมทุกกรณีเหมือนชั้น 1 |
วิธีเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย
- เปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง
- ใช้เว็บไซต์เปรียบเทียบประกันภัย เช่น GoBear หรือ EasyCompare ที่ให้ข้อมูลราคาและความคุ้มครองจากบริษัทต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมและเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
- ตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มครองที่แต่ละบริษัทให้ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้รับการคุ้มครองที่ครบถ้วน
- พิจารณาความต้องการของคุณ
- เลือกประเภทของประกันภัยที่เหมาะสมกับการใช้งานและงบประมาณของคุณ เช่น หากคุณขับรถในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงหรือมีการใช้รถบ่อยครั้ง ประกันชั้น 1 อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
- หากรถของคุณมีอายุมากและใช้ไม่บ่อย การเลือกประกันชั้น 3+ อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า
- ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบริษัทประกัน
- อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงหรือสอบถามจากคนรอบข้างที่มีประสบการณ์ในการใช้บริการของบริษัทนั้น ๆ
- ตรวจสอบการให้บริการหลังการขายและกระบวนการเคลม เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับการช่วยเหลืออย่างรวดเร็วเมื่อเกิดปัญหา
- สอบถามส่วนลดและโปรโมชั่น
- บางบริษัทมีส่วนลดสำหรับลูกค้าที่มีประวัติขับขี่ดี หรือมีโปรแกรมสะสมแต้มที่สามารถแลกเป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันได้
- สอบถามเกี่ยวกับโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่อาจลดค่าเบี้ยประกันได้ เช่น ส่วนลดสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยในรถ
สรุป
การมีประกันภัยรถยนต์เป็นการปกป้องทั้งทรัพย์สินและชีวิตของคุณ เลือกซื้อประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุด การเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ บริษัทและตรวจสอบรายละเอียดการคุ้มครองจะช่วยให้คุณได้เลือกประกันภัยที่ดีที่สุด
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการคุ้มครองนะครับ หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้จากบริษัทประกันภัยที่คุณสนใจ หรือเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทประกันภัยต่าง ๆ เช่น GoBear, EasyCompare, หรือ Roojai.
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการคุ้มครองครับ